วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ดอกสาละ

                                          
                                                ดอกสาละ
*เป็นดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา(พระพุทธเจ้าทรงประสูติใต้ต้นสาละคู่)
 
ต้นสาละ จัดเป็นไม้มงคล และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือ Shorea robusta Roxb. อยู่ในวงศ์ Dipterocarpaceae เป็นไม้ยืนต้น ผลัดใบ เปลือกต้นสีน้ำตาล แตกเป็นร่อง ใบเดี่ยวออกเวียนสลับตามปลายกิ่ง ปลายในแหลมโคนสอบ ขอบใบจักตื้น ๆ ดอกมีสีชมพูแดงอมเหลือง กลิ่นหอม ออกเป็นช่อใหญ่ตามลำต้นใกล้โคน กลีบดอกมีลักษณะแข็ง เกสรตัวผู้โคนเชื่อมติดกันเป็นรูปแผ่นแบนโค้ง ออกดอกตลอดปี ผลกลมผิวน้ำตาล ชอบแดดกลางแจ้ง ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด
 
 

ดอกพุทธรักษา

                                       ดอกพุทธรักษา
*ดอกไม้ประจำวันพ่อ
 
พุทธรักษาเป็นพรรณไม้ล้มลุก เนื้ออ่อนอวบน้ำ ลำต้นมีความสูงประมาณ 1-2 เมตร มีลำต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่า เหง้า มีการเจริญเติบโตโดยแตกหน่อเป็นกอคล้ายกับกล้วย ลักษณะหน่อที่เจริญเป็นต้นเหนือพื้นดินนั้นมีลักษณะกลมแบนสีเขียวขนาดลำต้นโตประมาณ 2-4 เซนติเมตร ใบมีขนาดใหญ่สีเขียวโคนใบและปลายใบรีแหลม ขอบใบเรียบ กลางใบเป็นเส้นนูนเห็นได้ชัดโคนใบมีก้านใบซึ้งยาวเป็นกาบใบหุ้มลำต้นซ้อนสลับกัน ขนาดใบกว้างประมาณ 10-15 เซนติเมตร ยาวประมาณ 25-35 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อตรงส่วนยอดของลำต้น ช่อดอกยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร ประกอบด้วยดอก 8-10 ดอก และมีกลีบดอกบางนิ่ม ขนาดของดอกและสีสันแตกต่างกันไปตามชนิดพันธุ์ วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันพ่อแห่งชาติ กำหนดขึ้นครั้งแรก ในปี 2523 และกำหนดให้ ดอกพุทธรักษาสีเหลือง เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ประจำวันพ่อ
 
ดอกพุทธรักษา

ดอกบุหงาส่าหรี

                                        ดอกบุหงาส่าหรี

บุหงาส่าหรี หรือ บุหงาบาหลี (อังกฤษChinese Roseชื่อวิทยาศาสตร์Citharexylum spinosum Linn.) เป็นไม้ต้นขนาดเล็กอยู่ในวงศ์ Verbenaceae สูง 3-10 เมตร ทรงพุ่มโปร่ง แตกกิ่งก้านจำนวนมาก ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปใบหอก กว้าง 6-8 ซม. ยาว 10-15 ซม. มีก้านใบสีส้ม มีช่อดอกสีขาว ยาว 10-20 ซม. ออกตามซอกใบและปลายกิ่ง ดอกย่อยมีขนาดเล็ก กลีบดอกติดกัน ตอนปลายแยก 4-5 แฉก เมื่อดอกย่อยบาน มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 ซม. มีกลิ่นหอมแรงในช่วงกลางคืนถึงสายๆ ออกดอกตลอดปี ดูแลแบบแพเนล ขยายพันธุ์โดยปักชำกิ่งและตอนกิ่ง ใช้เป็นไม้ประดับ ดอกให้กลิ่นหอมมาก
 

ดอกนางพญาเสือโคร่ง

                                ดอกนางพญาเสือโคร่ง
*ได้รับสมยาว่า ซากุระแดนสยาม
 
ช่วงต้นเดือนไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม จะเป็นช่วงที่ ดอกพญาเสือโคร่ง หรือ ซากุระเมืองไทย กำลังเริ่มผลิดอกสีชมพูหวานสะพรั่ง ไปด้วยกันขอแนะนำสถานที่ชมพญาเสือโคร่งอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งจะเรียกว่าเป็นมีดอกพญาเสือโคร่งให้ชมซึ่งเมื่อถึงเวลาบานแล้วก็มีให้ชมเยอะมากอีกแห่งหนึ่งไม่แพ้พี่ใหญ่อย่างขุนช่างเคี่ยนและขุนแม่ยะ คือ ที่ ขุนวางและแม่จอนหลวง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติดอยอินนทนนท์ ซึ่งในเวลานี้กำลังเริ่มผลิดอกและมีบางพื้นที่ก็บานสะพรั่งและคาดว่าจะบานเต็มที่ในช่วงกลางเดือน ม.ค. ไปจนถึงสิ้นเดือน ม.ค.
 

ดอกมะลิ





                                              ดอกมะลิ
*ดอกไม้ประจำวันแม่
 
ดอกไม้ดอกเล็กๆ สีขาวบริสุทธิ์ที่มีกลิ่นหอมชวนดมอย่าง "ดอกมะลิ" ถูกนำมาใช้เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ "วันแม่" เพราะดอกมะลิเปรียบเสมือนความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีให้ลูกน้อยไม่มีวันเสื่อมคลาย เหมือนกับความหอมของดอกมะลิที่หอมนาน และออกดอกตลอดทั้งปี นอกจากนี้ คนไทยยังนิยมนำดอกมะลิมาร้อยมาลัยบูชาพระ ดังนั้น ดอกมะลิ จึงเปรียบเสมือนการบูชาแม่ผู้มีพระคุณของลูกๆ ทุกคน
 

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2559

ดอกกันเกรา(มันปลา)

ดอกกันเกรา(มันปลา)
*เป็นไม้มงคล กันสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายไม่ให้มาทำอันตรายใดๆ

ดอกกันเกราออกเป็นช่อ ตามง่ามใบ ออกมากบริเวณปลายกิ่ง ดอกอ่อนมีสีขาวนวล เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน ประกอบด้วยดอกย่อยที่มีมีกลีบรองดอกขนาดเล็ก 5 กลีบ กลีบดอกมีโคนเชื่อมติดกันเป็นรูประฆังหรือแตร กว้าง และยาวประมาณ 2 ซม. ปลายแยกเป็นแฉก 5 แฉก ปลายดอกผายแยกเป็นกลีบ ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ปลายกลีบโค้งไปทางโคนดอก ด้านในมีเกสรตัวผู้ 5 อัน ยาวพ้นจากปากหลอด 1.5-2 เซนติเมตร ถัดมาเป็นรังไข่ รูปร่างคล้ายหัวเข็มหมุด ดอกบานเริ่มแรกมีสีขาว แล้วจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอม ออกดอกระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน





ดอกราชาวดี


ดอกราชาวดี

ราชาวดี : ดอกไม้ที่มีขึ้นสำหรับพระราชา ราชาวดีเป็นไม้ยืนต้นขนาดย่อม ลักษณะกิ่งไม้เลื้อย ชนิดกิ่งแข็ง ที่ทอดกิ่งออกไป ไม่พันรอบเหมือนเล็บมือนาง แต่คล้ายมะลิลาหรือพุทธชาติ

ราชาวดีมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่าBuddleja paniculata Wall. อยู่ในวงศ์ Buddlejaceae เป็นไม้กิ่งเถาที่แตกกิ่งก้านสาขามาก ลำต้นเป็นเหลี่ยมเล็กน้อย เปลือกหุ้มลำต้นมี สีน้ำตาลอมเทา ใบดก เป็นใบเดี่ยว ออกเป็นคู่ตรงข้ามกิ่ง สีเขียว กว้าง 3 ถึง 5 เซนติเมตร ยาว 4 ถึง 7 เซนติเมตร หน้าใบสากคายคล้ายกระดาษทรายละเอียด ท้องใบเรียบกว่า ขอบใบจักเป็นซี่เล็กๆโดยตลอด ใบทรงรูปไข่ปลายค่อนข้างแหลม






ดอกยี่หุบ


ดอกยี่หุบ

ยี่หุบเป็นพุ่มไม้เตี้ย สูงประมาณ 2-5 ฟุต แตกกิ่งและใบน้อย ใบเป็นใบเดี่ยว สีเขียวสดเนื้อใบแข็งกระด้าง ใบรูปรีปลายแหลมและโคนโบแหลม ยาวประมาณ 5 นิ้ว ดอกออกเป็นช่อห้อยตามปลายกิ่ง ช่อละ 5-8 ดอก ดอกสีเหลืองอ่อนนวล ก้านดอกยาว 1-2 ซม. กลีบดอกงองุ้มและแข็งหนาทับซ้อนกัน 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ กลีบดอกหนาและอวบน้ำ กาบรองดอกเป็นสีเขียวนวลเวลาบานเต็มที่คล้ายกลีบดอกขั้นนอก ดอกยาวประมาณ 3 ซม. มีกลิ่นหอมจัดเวลาเย็น เมื่อดอกบานมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-5 ซม. ดอกทยอยออกตลอดปี
    ยี่หุบไม่ชอบแสงแดดมาก ควรปลูกไว้ในที่ร่มแสงแดดรำไร ชอบดินร่วนซุยและชื้น สามารถทนอยู่ได้ในสภาพดินแฉะ การปลูกในพื้นที่สูง เช่น ภูเขาหรือ บนดอย พบว่ามีดอกดกใหญ่และมีกลีบดอกหนากว่า




ดอกอัญชัน




อัญชัน



เป็นพืชที่มีต้นกำเนิดในแถบอเมริกาใต้ ปลูกทั่วไปในเขตร้อน ลักษณะของดอกอัญชันจะมีสีขาว สีฟ้า สีม่วง ส่วนตรงกลางดอกจะมีสีเหลือง และรูปทรงคล้ายหอยเชลล์ มีสรรพคุณที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะมีสารที่ชื่อว่า “แอนโทไซยานิน” (Anthocyanin) ซึ่งมีหน้าที่ไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ดีมากขึ้น




ดอกกล้วยไม้ ช้างกระ

                                      1.ดอกกล้วยไม้ ช้างกระ                    ดอกกล้วยไม้ เป็นดอกไม้ประจำวิชาชีพ ครู


ชื่อวิทยาศาสตร์ : Rhynchostylis gigantea Rhynchostylis (ริง-โค-สไตล์-ลิส) 
มีความหมายแยกตามคำได้ดังนี้ Rhyncho หมายถึง จงอย และ Stylis หมายถึง เส้าเกสร เมื่อนำสองคำ
มารวมกันจะหมายถึง กล้วยไม้ชนิดที่มีเส้าเกสรคล้ายดั่งจงอยปากนก นั่นเอง

คำว่า gigantea หมายถึง ใหญ่มาก รวมกับความหมายของ ริงโค เข้าไป
ได้ความหมายใหม่ว่า กล้วยไม้ที่มีจงอยปากเหมือนนกที่ใหญ่มาก นั่นเอง 

"ช้างกระ" กล้วยไม้ป่าที่มีดอกสวยและหอม จะเริ่มหอมตอนสาย ๆ และจะหอมตลบอบอวลในตอนใกล้ ๆ เที่ยง 
แต่ดอกจะบานอยู่ราว 2-3 อาทิตย์ ก็โรยแล้ว ชาวบ้านเรียกกล้วยไม้ช้างกระเป็นภาษาพื้นเมืองว่า เอื้องต๊กโต